คำเทศนาเรื่อง ผ่านความยากลำบากโดยพระคุณ
ข้อพระคัมภีร์ 2 พกษ 6:24-33 7:1-2
โดย อจ.เรวัฒน์ เทพจักร์
ข้อพระคัมภีร์ 2 พกษ 6:24-33 7:1-2
โดย อจ.เรวัฒน์ เทพจักร์
คำนำ : ชีวิตมนุษย์อยู่ในโลกใบนี้แม้จะเพียงสั้นๆ 70-80ปี แต่ช่วงชีวิตนั้นมีแต่งานและความยากลำบาก ไม่นานก็จากร่างกายนี้ไป เพื่อรอการพิพากษาตัดสินโทษจากพระเจ้า เราอยู่ในโลกนี้เต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจ เหนื่อยล้ากับงานที่ทำอยู่ และกังวลใจถึงชีวิตในวันข้างหน้า เราทุกคนต้องการความมั่นคงในชีวิต และความอยู่รอดของตนเอง แต่.... ความจริงนั้นวันนี้มนุษย์ถือว่ามีความเจริญแทบทุกด้าน
มีความเป็นอยู่ที่สะดวกสบายขึ้น แต่เตียงนอนที่สวย มีบ้านที่ปลอดภัย มีอาหารทานทุกมื้อ มีการคมนาคมที่สะดวก มีการสื่อสารที่รวดเร็ว แต่กระนั้นมนุษย์ก็ยังขาดสันติสุขที่แท้จริง กำลังถูกติดตรวนด้วยความทุกข์ใจ ความไม่มั่นคง ความกลัว ความกดดันต่างๆที่ก่อตัว จนในที่สุดหลายคนไม่สามารถยอมรับความเป็นจริงในชีวิตได้ จึงต้องไปนอนอยู่ในโรงพยาบาลศรีธัญญา มนุษย์อาศัยอยู่ในโลกนี้ที่มีข้อมูลข่าวสารที่รวดเร็วไว - ข้อมูลเรื่องโรคภัยต่างๆ จะมีโรคร้ายแรงระบาด
- ข้อมูลเรื่องภัยทางธรรมชาติ จะเกิดสึนามิ เกิดวิบัติทางธรรมชาติ จะเกิดน้ำท่วมกรุงเทพ
- ข้อมูลเรื่องเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ค่าเงินบาท ทองคำ น้ำมันเชื้อเพลิง
- ข้อมูลเรื่อง อนาคตของโลกจะดับสูญ โลกจะแตก
ตัวอย่าง : ฮือฮา! โรเบิร์ต ฟิตซ์แพทริค เฒ่าอเมริกันวัน 60 ปี ควักเงินส่วนตัวกว่า 4 ล้านบาท ทำป้ายโฆษณาเผยแพร่คำนายของตัวเอง ว่าโลกจะแตก ในวันที่ 21 พ.ค. นี้ ได้ยอมเอาเงินเก็บของตัวเองที่จะใช้ในช่วงบั้นปลายชีวิต จำนวน 140,000 เหรียญสหรัฐ ให้กับประชาชนทั่วไปได้รับรู้ และเพื่อเป็นการเตือนให้มีการเตรียมพร้อมรับมือ ได้ทำป้ายโฆษณากว่า 1,000 ชิ้น ติดไว้ตามสถานีรถไฟใต้ดิน และป้ายรถเมล์เพื่อเตือนประชาชนถึงวันสิ้นโลกในวันที่ 21 พ.ค. นี้ ตามคำทำนายของตนเอง นอกจากนี้ ฟิตซ์แพทริค ได้ยืนยันว่า ในวันดังกล่าว จะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ในช่วงเวลาประมาณ18.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นที่นิวยอร์กซึ่งจะเป็นแผ่นดินไหว ที่จะทำให้โลกถึงคราวแตกดับ และในวันดังกล่าว เป็นวันที่พระผู้เป็นเจ้าจะยุติการช่วยเหลือมนุษยชาติด้วย
มีความเป็นอยู่ที่สะดวกสบายขึ้น แต่เตียงนอนที่สวย มีบ้านที่ปลอดภัย มีอาหารทานทุกมื้อ มีการคมนาคมที่สะดวก มีการสื่อสารที่รวดเร็ว แต่กระนั้นมนุษย์ก็ยังขาดสันติสุขที่แท้จริง กำลังถูกติดตรวนด้วยความทุกข์ใจ ความไม่มั่นคง ความกลัว ความกดดันต่างๆที่ก่อตัว จนในที่สุดหลายคนไม่สามารถยอมรับความเป็นจริงในชีวิตได้ จึงต้องไปนอนอยู่ในโรงพยาบาลศรีธัญญา มนุษย์อาศัยอยู่ในโลกนี้ที่มีข้อมูลข่าวสารที่รวดเร็วไว - ข้อมูลเรื่องโรคภัยต่างๆ จะมีโรคร้ายแรงระบาด
- ข้อมูลเรื่องภัยทางธรรมชาติ จะเกิดสึนามิ เกิดวิบัติทางธรรมชาติ จะเกิดน้ำท่วมกรุงเทพ
- ข้อมูลเรื่องเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ค่าเงินบาท ทองคำ น้ำมันเชื้อเพลิง
- ข้อมูลเรื่อง อนาคตของโลกจะดับสูญ โลกจะแตก
ตัวอย่าง : ฮือฮา! โรเบิร์ต ฟิตซ์แพทริค เฒ่าอเมริกันวัน 60 ปี ควักเงินส่วนตัวกว่า 4 ล้านบาท ทำป้ายโฆษณาเผยแพร่คำนายของตัวเอง ว่าโลกจะแตก ในวันที่ 21 พ.ค. นี้ ได้ยอมเอาเงินเก็บของตัวเองที่จะใช้ในช่วงบั้นปลายชีวิต จำนวน 140,000 เหรียญสหรัฐ ให้กับประชาชนทั่วไปได้รับรู้ และเพื่อเป็นการเตือนให้มีการเตรียมพร้อมรับมือ ได้ทำป้ายโฆษณากว่า 1,000 ชิ้น ติดไว้ตามสถานีรถไฟใต้ดิน และป้ายรถเมล์เพื่อเตือนประชาชนถึงวันสิ้นโลกในวันที่ 21 พ.ค. นี้ ตามคำทำนายของตนเอง นอกจากนี้ ฟิตซ์แพทริค ได้ยืนยันว่า ในวันดังกล่าว จะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ในช่วงเวลาประมาณ18.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นที่นิวยอร์กซึ่งจะเป็นแผ่นดินไหว ที่จะทำให้โลกถึงคราวแตกดับ และในวันดังกล่าว เป็นวันที่พระผู้เป็นเจ้าจะยุติการช่วยเหลือมนุษยชาติด้วย
มนุษย์อาศัยอยู่ในโลกของพระเจ้านี้ด้วยความกลัว ความหวั่นวิตก ต่อสู้ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด และบ้างก็กำลังหมกมุ่นสาระวนกับระบบของโลกนี้ และสุดท้ายมนุษย์ทุกคนก็ดับสูญไปพร้อมๆกับความว่างเปล่า อนิจจังในชีวิต เราถูกติดตรวนถูกขังด้วยข้อมูลข่าวสารต่างๆ ซึ่งไม่รู้ว่าอะไรจริงอะไรเท็จ อะไรมาจากพระเจ้า หรืออะไรที่มาจากมนุษย์ อะไรที่มาจากซาตาน ผลสุดท้ายทำให้เราเครียด เหนื่อยล้า และพบความยากลำบากต่างๆในชีวิต เช่นเดียวกับชาวอิสราเอล ดู 2 พกษ 6:24-33
สภาพและปัญหาที่พวกเขาเผชิญความยากลำบากนั้นเป็นอย่างไร ?
1.เผชิญกับศัตรู และคู่แข่ง 6:24
-อิสราเอลถือว่าเป็นชาติที่พระเจ้าเลือกสรรไว้พิเศษ ทรงสัญญาจะสถิตอวยพรสนับสนุนพวกเขา แต่เพราะนิสัยที่ดื้อดึงต่อพระเจ้า พวกเขา
จึงต้องพบกับการตีสอน การเฆียนตีอย่างแรงจากพระเจ้า ทรงอนุญาตให้มีศัตรูมาโจมตี มาตีล้อมเมืองสะมาเรียไว้
-ศัตรูและคู่แข่งมาปิดล้อมปิดกั้นทำให้ความเป็นอยู่ การงานติดขัด เหมือนถูกปิดล้อมไว้ไปทางไหนก็ไม่ได้ ดิ้นไปทางไหนก็หมดทางออก
คำถาม : บางคนอาจนั่งในที่นั่งเช่นนี้ ชีวิตพบความยากลำบาก มีทุกข์เพราะถูกปิดกั้นกำลัง คู่แข่งตัดหน้าไว้ และสะมาเรียฝ่าย
วิญญาณถูกล้อม จึงทำให้ชีวิตไปต่อไม่ได้ราบรื่น
2.เผชิญกับการกันดารอาหาร แห้งแล้ง เศรษฐกิจย่ำแย่ ข้อ25
- หัวลาตัวหนึ่งราคา 80เชเขล หรือเท่ากับ 900 กรัม 1000กรัมเท่ากับ 1เชเขล มีค่าเท่ากับ 20000 บาท
ผู้คนในสะมาเรียอดอยาก เศรษฐกิจตกต่ำสุดๆ ของแพง
เช่นเดียวกันวันนี้: ข้าวของแพง หลายประเทศได้รับผลจากภัยทางธรรมชาติ จึงทำให้ผลผลิตเสียหาย
3.ผู้คนเรียกร้องหาความยุติธรรม และหาหนทางออกให้กับชีวิต ข้อ 26
-หญิงคนหนึ่งเธอต้องลุยถึงเขตพระราชสถานเพื่อร้องขอความยุติธรรม เนื่องจากการกันดารอาหารหนักถึงต้องถูกหลอกให้เอาลูกของตนมา
ฆ่ากินเป็นอาหาร แต่ต่อมาเพื่อนของเธอก็ไม่ได้ทำตามสัญญาไว้ โดยอุ้มลูกหนี เธอจึงมาร้อง “ ขอทรงช่วย” แต่พระราชก็กล่าวถ้าพระ
เจ้าไม่ช่วย เราก็ช่วยเจ้าไม่ได้
ทำนองเดียวกัน : ในวันนี้ หลายคนต้องยื่นอุทธรณ์เรียกร้องขอความยุติธรรมจากศาล พี่และน้องก็เมินหน้าต่อกัน ชิงชังและขัดแย้งกัน
4.ผู้คนเข้าใจผิดกัน และมุ่งทำร้ายซึ่งกันและกัน อยู่ท่ามกลางความโกรธ หวาดระแวงซึ่งกันและกัน
-พระราชาก็เข้าใจผิดคิดว่าปัญหาหมดทั้งสิ้นนี้มาจาก เอลีชาผู้รับใช้พระเจ้าที่ปล่อยศัตรูไป และหมายปองจ้องทำร้ายล้างกันเอง ดำเนิน
ชีวิตด้วยความโกรธแค้น ตัวอย่าง : บางคนยิงกันเพียงเพราะการขับรถปาดหน้ากันเท่านั้นเอง
สรุป : ทั้งหมดทั้งสิ้นนี้คืออาการของความยากลำบากต่างๆนานาที่มนุษย์กำลังเผชิญปัญหาในชีวิต จึงสรุปว่ามนุษย์ดำเนินอยู่ในโลกนี้เต็มไปด้วยความกดดัน เผชิญกับแรงกดดัน ต่อสู้กับสารพัดฤาโถมเข้ามา จึงทำให้เราหมดแรงกำลังที่จะสู้ต่อไป บางทีคิดถึงขั้นว่าการจากไปอยู่กับพระเจ้าก็ดีที่สุด แต่ก็ยังไม่ถึงเวลาของพระเจ้า ก็ต้องทนอยู่ในโลกใบนี้ด้วยความยากลำบากใจ ด้วยน้ำตา ด้วยใจที่เหน็ดเหนื่อย ท้อล้าใจ อยากให้มีใครมาช่วยอุ้ม มาช่วยแบกภาระปัญหาให้ คำถาม : ทำอย่างไรที่เราลูกของพระเจ้าจะสามารถเดินผ่านเส้นทาง หรือชั่วโมงที่ยากในชีวิตเหล่านี้ได้ เราเห็นทางออกและแนวทางตามพระวจนะของพระเจ้า 3 ประการคือ
1.เผชิญกับศัตรู และคู่แข่ง 6:24
-อิสราเอลถือว่าเป็นชาติที่พระเจ้าเลือกสรรไว้พิเศษ ทรงสัญญาจะสถิตอวยพรสนับสนุนพวกเขา แต่เพราะนิสัยที่ดื้อดึงต่อพระเจ้า พวกเขา
จึงต้องพบกับการตีสอน การเฆียนตีอย่างแรงจากพระเจ้า ทรงอนุญาตให้มีศัตรูมาโจมตี มาตีล้อมเมืองสะมาเรียไว้
-ศัตรูและคู่แข่งมาปิดล้อมปิดกั้นทำให้ความเป็นอยู่ การงานติดขัด เหมือนถูกปิดล้อมไว้ไปทางไหนก็ไม่ได้ ดิ้นไปทางไหนก็หมดทางออก
คำถาม : บางคนอาจนั่งในที่นั่งเช่นนี้ ชีวิตพบความยากลำบาก มีทุกข์เพราะถูกปิดกั้นกำลัง คู่แข่งตัดหน้าไว้ และสะมาเรียฝ่าย
วิญญาณถูกล้อม จึงทำให้ชีวิตไปต่อไม่ได้ราบรื่น
2.เผชิญกับการกันดารอาหาร แห้งแล้ง เศรษฐกิจย่ำแย่ ข้อ25
- หัวลาตัวหนึ่งราคา 80เชเขล หรือเท่ากับ 900 กรัม 1000กรัมเท่ากับ 1เชเขล มีค่าเท่ากับ 20000 บาท
ผู้คนในสะมาเรียอดอยาก เศรษฐกิจตกต่ำสุดๆ ของแพง
เช่นเดียวกันวันนี้: ข้าวของแพง หลายประเทศได้รับผลจากภัยทางธรรมชาติ จึงทำให้ผลผลิตเสียหาย
3.ผู้คนเรียกร้องหาความยุติธรรม และหาหนทางออกให้กับชีวิต ข้อ 26
-หญิงคนหนึ่งเธอต้องลุยถึงเขตพระราชสถานเพื่อร้องขอความยุติธรรม เนื่องจากการกันดารอาหารหนักถึงต้องถูกหลอกให้เอาลูกของตนมา
ฆ่ากินเป็นอาหาร แต่ต่อมาเพื่อนของเธอก็ไม่ได้ทำตามสัญญาไว้ โดยอุ้มลูกหนี เธอจึงมาร้อง “ ขอทรงช่วย” แต่พระราชก็กล่าวถ้าพระ
เจ้าไม่ช่วย เราก็ช่วยเจ้าไม่ได้
ทำนองเดียวกัน : ในวันนี้ หลายคนต้องยื่นอุทธรณ์เรียกร้องขอความยุติธรรมจากศาล พี่และน้องก็เมินหน้าต่อกัน ชิงชังและขัดแย้งกัน
4.ผู้คนเข้าใจผิดกัน และมุ่งทำร้ายซึ่งกันและกัน อยู่ท่ามกลางความโกรธ หวาดระแวงซึ่งกันและกัน
-พระราชาก็เข้าใจผิดคิดว่าปัญหาหมดทั้งสิ้นนี้มาจาก เอลีชาผู้รับใช้พระเจ้าที่ปล่อยศัตรูไป และหมายปองจ้องทำร้ายล้างกันเอง ดำเนิน
ชีวิตด้วยความโกรธแค้น ตัวอย่าง : บางคนยิงกันเพียงเพราะการขับรถปาดหน้ากันเท่านั้นเอง
สรุป : ทั้งหมดทั้งสิ้นนี้คืออาการของความยากลำบากต่างๆนานาที่มนุษย์กำลังเผชิญปัญหาในชีวิต จึงสรุปว่ามนุษย์ดำเนินอยู่ในโลกนี้เต็มไปด้วยความกดดัน เผชิญกับแรงกดดัน ต่อสู้กับสารพัดฤาโถมเข้ามา จึงทำให้เราหมดแรงกำลังที่จะสู้ต่อไป บางทีคิดถึงขั้นว่าการจากไปอยู่กับพระเจ้าก็ดีที่สุด แต่ก็ยังไม่ถึงเวลาของพระเจ้า ก็ต้องทนอยู่ในโลกใบนี้ด้วยความยากลำบากใจ ด้วยน้ำตา ด้วยใจที่เหน็ดเหนื่อย ท้อล้าใจ อยากให้มีใครมาช่วยอุ้ม มาช่วยแบกภาระปัญหาให้ คำถาม : ทำอย่างไรที่เราลูกของพระเจ้าจะสามารถเดินผ่านเส้นทาง หรือชั่วโมงที่ยากในชีวิตเหล่านี้ได้ เราเห็นทางออกและแนวทางตามพระวจนะของพระเจ้า 3 ประการคือ
ประการที่1. ต้องขจัดความเชื่อ 7:1
-พระเจ้าตรัสผ่านเอลีชาว่า พรุ่งนี้เวลานี้พระเจ้าจะทำการใหญ่ “กลับตาลปัตร” ซึ่งมีความหมายว่า พลิกหน้ามือเป็นหลังมือ พระเจ้า
เปลี่ยนแปลงทำให้ทุกอย่างผลิกกลับไปในทางที่ดีขึ้น พระเจ้ากอบกู้และช่วยชูกำลังชาวอิสราเอลให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
-แต่ 2พกษ 7:2 กล่าวว่า แม้ว่าพระเจ้าคือพระผู้สร้างโลกและฟ้าสวรรค์ สิ่งเหล่านี้ก็จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ท่านเคยเห็นปัญหาเกิดในความคิด
ของเราเองเหมือนทหารคนสนิทของพระราชาไหม? ความไม่เชื่อในการช่วยกู้ของพระเจ้านี่เป็นปัญหาของสาวกของพระเยซูด้วย พวกเขาก็
ลืมไปว่าพระเยซูทรงเลี้ยงคน4พันคนด้วยขนมปัง5ก้อนกับปลา 2 ตัว และพวกเขาก็วิตกกังวลใจเพราะความไม่มีอะไรจะทาน
-ในวันนี้ ท่านก็จงสลัดเอาความไม่เชื่อนั้นออกไป มีหลายคนที่พระเจ้าเคยช่วย เคยทำการอัศจรรย์ เคยรักษาโรค เคยช่วยให้ผ่านไปใน
เหตุการณ์ร้ายๆได้ แต่วันนี้กลับไม่เชื่อ มัทธิว 17:17. พระเยซูตรัสตอบว่า"โอคนในยุคที่ขาดความเชื่อและมีทิฐิชั่วเราจะต้องอยู่กับท่านทั้งหลายนานเท่าใดเราจะต้องอดทนเพราะท่านไปถึงไหนจงพาเด็กนั้นมาหาเราที่นี่เถิด"
ประการที่ 2 ต้องก้าวออกไปโดยพระคุณและความเชื่อ 7:3
-“เราจะนั่งที่นี่จนตายทำไม “ คนโรคเรื้อน4 คน แม้ในสายตาของเขาจะเป็นที่เกลียดชัง และน่าดูหมิ่น ถูกแยกออกจากสังคม และเหมือน
คนที่ไม่มีที่หวังใดๆ แต่พวกเขาก็ มีมุมมองที่ดีในชีวิตว่า การนั่งอยู่เฉยๆรอปาฏิหาริย์ก็คงไม่ดีแน่ๆ
ข้อคิด : การนั่งเฉยๆเพื่อรอการอัศจรรย์ และการเปลี่ยนแปลงจะไม่มีการอัศจรรย์ให้เห็น คริสเตียนต้องมีมุมมองชีวิตในทางบวก มากกว่า
ทางลบๆ อย่าให้โอกาสความคิดลบๆเกิดขึ้นบ่อยๆ เพราะมันเกิดขึ้นเสมอๆ หลายคนอยากได้รับการอวยพระพร แต่ก็ไม่ทำอะไร นั่ง
ขอทานและรอให้คนนั้นคนนี้ช่วยเป็นวันๆ เราจะพบความว่างเปล่า
-เมื่อเรากล้าที่จะก้าวไป พระเจ้าก็กล้าที่จะทำการของพระองค์ ข้อ 6 ในยามดึกของวันนั้นพระเจ้าได้ก่อกวนให้ศัตรูคือซีเรียตกใจ
และต่อสู้พวกเขา ทำให้พวกเขาสำคัญว่ากำลังต่อสู้กับกองทัพใหญ่ จึงวิ่งหนีเอารอด ทิ้งเอาอาหาร อาวุธ และทรัพย์สินไว้ พระเจ้าได้
ประทานชัยชนะ ความสำเร็จแก่คนที่ป่วยเป็นโรคเรื้อน 4 คนนั้นอย่างมหัศจรรย์ ฉันใด
คำหนุนใจ : ถ้าเราก้าวออกไปทำกิจการงานต่างๆโดยพระคุณ และการทรงนำของพระเจ้า และด้วยการพึ่งพาการช่วยเหลือของพระเจ้าแล้ว เราจะเห็นการอัศจรรย์ของพระเจ้าเกิดขึ้นเพื่อเรา เพื่อครอบครัว คริสตจักรของเรา
-พระเจ้าตรัสผ่านเอลีชาว่า พรุ่งนี้เวลานี้พระเจ้าจะทำการใหญ่ “กลับตาลปัตร” ซึ่งมีความหมายว่า พลิกหน้ามือเป็นหลังมือ พระเจ้า
เปลี่ยนแปลงทำให้ทุกอย่างผลิกกลับไปในทางที่ดีขึ้น พระเจ้ากอบกู้และช่วยชูกำลังชาวอิสราเอลให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
-แต่ 2พกษ 7:2 กล่าวว่า แม้ว่าพระเจ้าคือพระผู้สร้างโลกและฟ้าสวรรค์ สิ่งเหล่านี้ก็จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ท่านเคยเห็นปัญหาเกิดในความคิด
ของเราเองเหมือนทหารคนสนิทของพระราชาไหม? ความไม่เชื่อในการช่วยกู้ของพระเจ้านี่เป็นปัญหาของสาวกของพระเยซูด้วย พวกเขาก็
ลืมไปว่าพระเยซูทรงเลี้ยงคน4พันคนด้วยขนมปัง5ก้อนกับปลา 2 ตัว และพวกเขาก็วิตกกังวลใจเพราะความไม่มีอะไรจะทาน
-ในวันนี้ ท่านก็จงสลัดเอาความไม่เชื่อนั้นออกไป มีหลายคนที่พระเจ้าเคยช่วย เคยทำการอัศจรรย์ เคยรักษาโรค เคยช่วยให้ผ่านไปใน
เหตุการณ์ร้ายๆได้ แต่วันนี้กลับไม่เชื่อ มัทธิว 17:17. พระเยซูตรัสตอบว่า"โอคนในยุคที่ขาดความเชื่อและมีทิฐิชั่วเราจะต้องอยู่กับท่านทั้งหลายนานเท่าใดเราจะต้องอดทนเพราะท่านไปถึงไหนจงพาเด็กนั้นมาหาเราที่นี่เถิด"
ประการที่ 2 ต้องก้าวออกไปโดยพระคุณและความเชื่อ 7:3
-“เราจะนั่งที่นี่จนตายทำไม “ คนโรคเรื้อน4 คน แม้ในสายตาของเขาจะเป็นที่เกลียดชัง และน่าดูหมิ่น ถูกแยกออกจากสังคม และเหมือน
คนที่ไม่มีที่หวังใดๆ แต่พวกเขาก็ มีมุมมองที่ดีในชีวิตว่า การนั่งอยู่เฉยๆรอปาฏิหาริย์ก็คงไม่ดีแน่ๆ
ข้อคิด : การนั่งเฉยๆเพื่อรอการอัศจรรย์ และการเปลี่ยนแปลงจะไม่มีการอัศจรรย์ให้เห็น คริสเตียนต้องมีมุมมองชีวิตในทางบวก มากกว่า
ทางลบๆ อย่าให้โอกาสความคิดลบๆเกิดขึ้นบ่อยๆ เพราะมันเกิดขึ้นเสมอๆ หลายคนอยากได้รับการอวยพระพร แต่ก็ไม่ทำอะไร นั่ง
ขอทานและรอให้คนนั้นคนนี้ช่วยเป็นวันๆ เราจะพบความว่างเปล่า
-เมื่อเรากล้าที่จะก้าวไป พระเจ้าก็กล้าที่จะทำการของพระองค์ ข้อ 6 ในยามดึกของวันนั้นพระเจ้าได้ก่อกวนให้ศัตรูคือซีเรียตกใจ
และต่อสู้พวกเขา ทำให้พวกเขาสำคัญว่ากำลังต่อสู้กับกองทัพใหญ่ จึงวิ่งหนีเอารอด ทิ้งเอาอาหาร อาวุธ และทรัพย์สินไว้ พระเจ้าได้
ประทานชัยชนะ ความสำเร็จแก่คนที่ป่วยเป็นโรคเรื้อน 4 คนนั้นอย่างมหัศจรรย์ ฉันใด
คำหนุนใจ : ถ้าเราก้าวออกไปทำกิจการงานต่างๆโดยพระคุณ และการทรงนำของพระเจ้า และด้วยการพึ่งพาการช่วยเหลือของพระเจ้าแล้ว เราจะเห็นการอัศจรรย์ของพระเจ้าเกิดขึ้นเพื่อเรา เพื่อครอบครัว คริสตจักรของเรา
-เป็นชัยชนะ และความสำเร็จที่ไม่ต้องสูญเสียชีวิต หรือเลือดแม้แต่หยดเดียว สำคัญที่สุดคือ จงก้าวออกไปโดยมีพระเจ้านำหน้าทัพ ไปโดย
ไว้วางใจในพระเจ้า อย่าไว้วางใจในคน และจำนวนคน และจำนวนเงิน หรืออย่าพึ่งสติปัญหาของตัวเอง สภษ 3:5-6
ไว้วางใจในพระเจ้า อย่าไว้วางใจในคน และจำนวนคน และจำนวนเงิน หรืออย่าพึ่งสติปัญหาของตัวเอง สภษ 3:5-6
-ชีวิตของเราอาจจะกำลังเผชิญกับการปิดล้อมไปด้วยปัญหา ความทุกข์ยากลำบากต่างๆ จนเราเองก็งงๆ และสับสนว่ามันอะไรกันนี่ และเราอาจจะพยายามแก้ไขปัญหา และพึ่งกำลังของเราเองจนเราเหนื่อย วันนี้ขอให้เรามอบทางเดินนั้น มอบธุรกิจของเรานั้นต่อพระเจ้า ให้เราเปิดใจกับพระเจ้า บอกถึงปัญหา ความทุกข์ใจนั้นต่อพระเจ้า โดยพระเจ้าเราจะสามารถเดินผ่านความยากลำบากไปได้อย่างแน่นอน
ประการที่ 3 ต้องกลับไปบอกข่าวดีนี้ 7:9-20
-ธรรมชาติของมนุษย์ดิบๆที่ยังไม่ได้รับการเปลี่ยนชีวิตใหม่ ทุกคนต่างก็รักตัวเอง ทำทุกอย่างเพื่อตนเองและเพื่อนพ้อง แต่สำหรับคนของพระเจ้าที่ได้รับพระคุณพระเจ้าแล้ว เขาจะมีลักษณะนิสัยที่เปลี่ยนแปลงใหม่ คือเขาจะรักและห่วงใยผู้อื่น อยากให้คนอื่น อยากให้เพื่อนๆได้รับโอกาส และการช่วยเหลือเหล่านี้
- “ เราทำไม่ถูกเสียแล้ว” วันนี้เป็นวันข่าวดี ถ้าเรานั่งเสียโทษจะตกแก่เรา เหมือนเปาโลที่ท่านรู้ว่า ถ้าท่านไม่ประกาศวิบัติจะเกิดขึ้นกับ ข้าพเจ้า โรม 1:16
-บางคนเชื่อก็ได้ชีวิต และคนที่ไม่เชื่อก็ต้องตาย ข้อ 19 คนที่ไม่เชื่อแม้จะเกิดอัศจรรย์เท่าไรในชีวิต เขาก็ยังไม่เปิดใจเชื่อพระเจ้า ให้ดูข้อ 19 นายทหารกล่าวว่า แม้ว่าพระเจ้าคือพระผู้สร้างโลกและฟ้าสวรรค์ สิ่งเหล่านี้ก็จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้
-ธรรมชาติของมนุษย์ดิบๆที่ยังไม่ได้รับการเปลี่ยนชีวิตใหม่ ทุกคนต่างก็รักตัวเอง ทำทุกอย่างเพื่อตนเองและเพื่อนพ้อง แต่สำหรับคนของพระเจ้าที่ได้รับพระคุณพระเจ้าแล้ว เขาจะมีลักษณะนิสัยที่เปลี่ยนแปลงใหม่ คือเขาจะรักและห่วงใยผู้อื่น อยากให้คนอื่น อยากให้เพื่อนๆได้รับโอกาส และการช่วยเหลือเหล่านี้
- “ เราทำไม่ถูกเสียแล้ว” วันนี้เป็นวันข่าวดี ถ้าเรานั่งเสียโทษจะตกแก่เรา เหมือนเปาโลที่ท่านรู้ว่า ถ้าท่านไม่ประกาศวิบัติจะเกิดขึ้นกับ ข้าพเจ้า โรม 1:16
-บางคนเชื่อก็ได้ชีวิต และคนที่ไม่เชื่อก็ต้องตาย ข้อ 19 คนที่ไม่เชื่อแม้จะเกิดอัศจรรย์เท่าไรในชีวิต เขาก็ยังไม่เปิดใจเชื่อพระเจ้า ให้ดูข้อ 19 นายทหารกล่าวว่า แม้ว่าพระเจ้าคือพระผู้สร้างโลกและฟ้าสวรรค์ สิ่งเหล่านี้ก็จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้
พี่น้องที่รัก : ข่าวประเสริฐของพระเจ้านั้นเมื่อเราออกไปประกาศ เราจะพบว่ามีคนกลุ่มหนึ่งเชื่อ และอีกกลุ่มไม่เชื่อ สำหรับคนที่ไม่เชื่อนั้น แม้เราจะพูดอย่างไร และท้าทายเขาขนาดไหน ใจของเขาก็ไม่เปิดให้พระเจ้า และเขาต้องได้รับผลตามความเชื่อของเขาเอง วันนี้ขอให้เราทำหน้าที่ของเราเอง ที่จะช่วยกันทำงานของพระเจ้า รับใช้ ทำงานในบทบาทที่ตนพึ่งกระทำได้ ทำตามกำลังที่พระเจ้าให้ ให้เราปลูกจิตสำนึกไว้กับตัวเราเอง และลูกหลานของเราเอง ในการที่จะรับผิดชอบตนต่อพระเจ้า
วันนี้เราจะอิ่มกับพระพร และข่าวดีในพระเจ้า โดยไม่ยอมบอกให้ใครกระนั้นหรือ.....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น