หน้าแรก

หน้าแรก      ผู้ดูแลเว็บ    ติดต่อเรา 

วันพฤหัสบดีที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2554

คำเทศนาเรื่อง คำอธิษฐานสู่ชีวิตที่เกิดผล


คำเทศนาเรื่อง    คำอธิษฐานสู่ชีวิตที่เกิดผล
ข้อพระคัมภีร์      คส 1:9-10

คำนำ

คริสตจักรในเมืองโคโลสี เกิดขึ้นเพราะการเดินทางครั้งที่3 ของเปาโล  ผู้นำผู้ดูแลคือเอปาฟรัส
เปาโลเขียนจดหมายไปเพราะลัทธินอสติกระบาดคริสตจักร  พวกนั้นสอนว่าร่างกายมลทินคุมขังวิญญาณที่บริสุทธิ์ไว้   ดังนั้นทรมานร่างกายเพื่อทำลายตัวแห่งบาปให้หมดสิ้นไป  กินเหล้าก็ได้ เที่ยวก็ไม่เป็นไร  สนุกให้เต็มที่  เขาสอนว่าทูตสวรรค์คือผู้กลาง  คำว่านอสติกแปลว่า ผู้มีความรู้  เขาเชื่อว่าคนจะรอดก็โดยการมีความรู้เรื่องชีวิต  เขามองว่าคริสเตียนโง่   เขาสอนว่าเราต้องเรียนรู้ให้มากๆ เพื่อจะช่วยตัวเองรอดได้  ไม่ใช่พยายามอธิษฐานใกล้ชิดสนิทพระเจ้าอย่างเดียว         พวกนอสติก (Gnostic) เชื่อว่า ร่างกายนี้เลวร้าย แต่จิตวิญญาณนั้นดี พวกเขาเชื่อว่า ความรอดที่มาถึงพวกเขาได้นั้น โดยความลึกลับ หรืออำนาจที่พิเศษอัศจรรย์ ซึ่งพวกเขามองข้าม การที่พระเยซูคริสต์ทรงสละชีวิตเพื่อมนุษย์ทุกคน เหตุที่พวก นอสติก (Gnostic) มีทัศนะเช่นนี้เพราะ พวกเขาคิดว่า เขามีชีวิตที่อยู่ตลอดนิรันดร์ พวกเขาเป็นกลุ่มลัทธิที่หยิ่งยโส และมีหลักคำสอน และปรัชญาที่อันตราย แต่พวก Gnostic เริ่มเสื่อมถอยลงในช่วง สมัยพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ อัครทูตเปาโลได้เขียนพระธรรมโคโลสี และโครินธ์ และอัครทูตยอห์นที่เขียนพระธรรมยอห์น ได้อธิบายและชี้จุดสำคัญในหลักข้อเชื่อของคริสเตียน เพื่อที่จะต่อสู้ ต่อต้าน คำสอนผิด สอนเทียมเท็จ ของพวก Gnostic สำหรับคริสเตียนความรอดไม่ใช่เฉพาะเจาะจง คนใดคนหนึ่ง แต่สำหรับทุกคนในโลก ...และการช่วยกู้ของพระเจ้าไม่เฉพาะแต่จิตวิญญาณ แต่รวมทั้งร่างกาย จิตใจและ จิตวิญญาณ       นอสติก (Gnostic) หมายถึง “ผู้ที่มีความรู้” ความรู้ (knowledge) ที่ได้ซ่อนไว้ปกปิดไว้จากพวกคริสเตียนทั้งหลาย ซึ่ง นอสติก (Gnostic) มองว่าพวกคริสเตียนเป็นพวกที่โง่เขลาสิ้นความหวัง พวกนอสติก (Gnostic) อ้างว่าพวกเขานั้นได้รับ“ความรอด” โดยสอนว่าความรอดไม่ได้มาทางพระเยซูคริสต์แต่มาโดย “ทางความรู้” (knowledge) (gnosis) ,ความรู้เที่ยงแท้ของ นอสติก (Gnostic) ซึ่งเกี่ยวข้องกับท่าทีที่มีต่อเทพสากลจักรวาล ซึ่งพวกนี้มองว่าร่างกายซึ่งเป็นเลือดเนื้อ เป็นสิ่งที่ไม่ดี สิ่งชั่วช้า ซึ่งถูกสร้างโดย เทพเจ้าที่ต่ำ ไม่ได้มีอำนาจสูงสุดแต่ขณะเดียวกันก็มีวิญญาณของเทพเจ้าที่ดีที่พวก นอสติก (Gnostic) มองว่าเป็นความหวังของเขา


นี่คือจุดที่อันตราย  สิ่งที่ทำลายความเชื่อของพี่น้องที่กำลังเดินกับพระเจ้า  ทำให้เกิดความสับสน  และไม่รู้ว่าอะไรคือคำสอนผิดหรือถูก     ดังนั้นเปาโลจึงเขียนจดหมายมาหนุนใจ และอธิษฐานไม่หยุด 
พี่น้องที่รักอยากจะรู้ไหมว่าเปาโลอธิษฐานทูลขออะไรบ้างเพื่อ คริสตจักรที่มีความยุ่งยากวุ่นวาย ?

   ผมจำได้เมื่อ 28 ปี ก่อน คริสตจักรบ้านสวน จังหวัด เชียงราย เมื่อการนมัสการเริ่มขึ้น ผู้นำประชุมเชื้อเชิญ ผู้ปกครอง แปลง เป็นผู้อธิษฐานเพื่อพระวจนะ แต่ผู้ปกครองแปลงไม่มั่นใจว่าจะอธิษฐานอย่างไรท่ามกลางห้องประชุม จึงสะกิดสีข้างลุงสุข พ่อของผม ว่า สุขช่วยหน่อย แต่พ่อของผม ก็ ปฏิเสธว่าไม่เอา และบอกว่า แปลงนั่นแหละ อธิษฐานดีแล้ว เกิดการเกี่ยงกันอยู่พักใหญ่ ขณะที่ทุกคนก้มศีรษะเพื่อฟังคำอธิษฐานของลุงแปลง แต่ทันใดนั้น ทุกคนแทบเป็นลม เมื่อลุงแปลงลุกออกจากที่ประชุม และเดินเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับไม้หน้าสาม พร้อมที่จะฟาดหัวลุงสุข แล้วตะโกนอย่างโมโหว่า “กู บอกว่าอธิษฐานไม่เป็นก็ไม่เชื่อ กูจะฆ่ามึง” สรุปเรื่องคือว่า ผู้ปกครองแปลงอธิษฐานไม่เป็น แต่ผู้นำประชุมก็อยากให้เขาฝึกฝน กล้าแสดงออก จึงทำให้การประชุมวันนั้นเกิดเหตุเป็นสนามมวยลุมพินีจำลอง     คำถาม.... เป็นไปได้หรือที่ผู้ปกครองอธิษฐานไม่เป็น?......

คำอธิษฐานของคนทั่วไปเป็นอย่างไร ?
บางคนขอบ้าน บางคนของคู่ครองกระดูกซี่โครงที่หายไป    บางคนขอถูกหวยรวยลัด   บางคนขอให้เงินเดือนเพิ่ม   บางคนขอให้หายปวดฟัน   บางคนขอพระเจ้าจัดการกับศัตรูให้  บางคนขอค่าเทอมที่ขาดอยู่   ขอเงินค่าน้ำค่าไฟ ค่าโทรศัพท์     คำอธิษฐาน เหล่านี้ เป็นคำอธิษฐาน เด๊ะ ๆ   Baby ๆ

แล้วคำอธิษฐานของท่านล่ะเป็นอย่างไร ?
พี่น้องที่รัก ไม่ผิดที่เราจะทูลขอเรื่องราวเราที่ต้องการต่างๆ นาๆ  แต่หากเราเป็น คริสเตียนมากกว่า 3 เดือน-10 ปี คำอธิษฐาน   หรือการสนทนาของเรากับพระเจ้าจำเป็นต้องมีพลัง  และนำสู่คำอธิษฐานที่มีผลเปลี่ยนแปลงต่อจิตวิญญาณ         ดังพระคัมภีร์  คส 1:9-10 เปาโลเป็นแบบอย่างในการทูลอธิษฐานเพื่อมุ่งสู่ชีวิตที่เกิดผลดีทุกอย่าง 
ขอให้เราพิจารณา   คำอธิษฐานของเปาโลซึ่งท่านมิได้หยุดหย่อนในการทูลขอ

คำอธิษฐานของเปาโล   มุ่งทูลขอความเข้าใจ 3 อย่าง
1.    ขอเข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้า 1.9
•    เพื่อจะสามารถรู้ว่าอะไรดี  อะไรเป็นที่ชอบพระทัย และอะไรที่ยอดเยี่ยม      โรม12:2
•    เพื่อจะรู้จักใจของพระเจ้าว่า อะไรที่พระเจ้าชอบ  และอะไรที่พระเจ้าไม่ชอบ
           -สิ่งที่ถูกต้องสำหรับพระเจ้า  อาจจะไม่ถูกใจสำหรับเรา........
           -ในสังคมปัจจุบันเรามักจะพลาดสิ่งที่ดีๆ สิ่งที่ดีเยี่ยมในพระเจ้าไป เพราะสังคมวันนี้รีบเร่ง รีบร้อน ฉาบฉวย
           ทำตามใจตัวเองมากกว่าทำตามพระทัยพระเจ้า   กินเร็ว คิดเร็ว ทำเร็ว  จนบางทีทำให้โอกาสที่จะพลาด
           ง่ายๆได้

2.    ขอเข้าใจสรรพปัญญาของพระเจ้า
          ความคิดของพระเจ้า กับความคิดของเราไม่เหมือนกัน อิสยาห์ บทที่ 55:8 เพราะความคิดของเราไม่
          เป็นความคิดของเจ้า  ทั้งทางของเจ้าไม่เป็นวิถีของเรา" พระเจ้าตรัสดังนี้
          9 "เพราะฟ้าสวรรค์สูงกว่าแผ่นดินโลกฉันใด  วิถีของเราสูงกว่าทางของเจ้า  และความคิดของเราก็สูงกว่า
          ความคิดของเจ้าฉันนั้น"
•    เพื่อเราจะไม่หลงเจิ่นไปจากพระเจ้าเที่ยงแท้ หันไปกราบไหว้สิ่งต่าง ๆ ที่พระเจ้า...............
เจิ่นหันไปทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ..... ทุ่มเทกับสิ่งนั้นทั้งวันทั้งคืน  นั่นก็คือรูปเคารพสำหรับเราด้วย
•    เข้าใจความล้ำลึกที่พระเจ้าปิดบังไว้จากโลก  บางคนไม่เข้าใจก็หันไปเสียจากข่าวประเสริฐของพระเจ้าหันไปหาศาสนาใหม่หรือชีวิตเก่า ...........กท  1:6-8
Ex  คนสมัยนี้วิ่งไปตามวิถีของโลก..... ชอบเห็นการอัศจรรย์,การสำแดงแปลกๆ  แต่ไม่สนใจที่จะศึกษา  เพื่อเข้าใจพระวจนะของพระเจ้า  พระคำที่พระเจ้าตรัสสอน   ฟังเทศนาก็อยากฟังแต่เรื่องตลกหกฮา  มากกว่าแก่นสารของพระคำ  
Ex บางคนอ่านบทวิเคราะห์การเมือง-เศรษฐกิจเป็นเล่มๆ  แต่อ่านพระคัมภีร์4-5 บรรทัดอ้างว่าสายตาไม่ดี  ไม่ค่อยมีเวลา    เรานั่งจิบกาแฟถ้วยใหญ่ๆพร้อมกับบรรยากาศดีๆได้นานๆ  แต่เฝ้าเดี่ยวกับพระเจ้าไม่เกิน5 นาที ........

3.    ขอเข้าใจฝ่ายวิญญาณ 1:9  และข้อ 12-13
พระพรฝ่ายวิญญาณ
          - ทรงช่วยให้พวกเรามีสิทธิที่จะเข้ารับมรดกร่วมกับผู้เชื่อรายอื่นๆ ในแผ่นดินแห่งความสว่าง ข้อ12
            บางคนไม่ให้ความสำคัญกับ สิทธิพิเศษที่พระเจ้ามอบให้  การเป็นบุตร  การได้รับมรดกสวรรค์
          - ทรงช่วยให้เราพ้นจากอำนาจมืด  ทรงย้ายเรามาตั้งอยู่ในการปกครองของพระคริสต์
          - ทรงช่วยไถ่บาป  เป็นการอภัยโทษบาปแก่เรา  ( เป็นพระกรุณาธิคุณ)
             การที่เราเข้าใจพระพรฝ่ายวิญญาณ  จะทำให้เราเห็นพระเมตตาของพระเจ้ามาก  ทำให้เราเรียนรู้
            ว่าเราอยู่วันนี้ได้เพราะพระคุณพระเจ้า    เราจึงสามารถรัก และอภัยคนที่ทำผิดแก่เราได้.....

คำถาม  จำเป็นด้วยหรือคริสเตียนจะต้องเข้าใจทั้ง3 ประการเหล่านี้
คำตอบก็คือว่า ทั้งจำเป็น  และทั้งสมควรอย่างยิ่ง   เพราะการเข้าใจและซาบซึ้งทั้ง3 ประการจะนำเราไปสู่อีกขั้น


เป้าหมาย  เพื่อเราจะสามารถปฏิบัติตนอย่างถูกต้องต่อพระเจ้า         
การทูลขอความเข้าใจทั้งสามประการนั้นก็เป้าหมายเดียวคือเพื่อ   ตัวเราเองจะสามารถปฏิบัติตัวอย่างถูกต้อง  เหมาะสม   ดำเนินชีวิตติดตามพระเจ้าอย่างถูกต้อง   ไม่ทำให้ผิดบาปต่อพระองค์   หรือทำในสิ่งที่พระองค์ไม่ประสงค์       ตัวอย่าง... เรารักใครสักคนหนึ่ง  เราจะต้องเรียนรู้จักเขาให้มากที่สุดว่า เขาทานอะไร ไม่ชอบทานอะไร   คิดอย่างไร  รสนิยมเป็นอย่างไร    เพื่อเราจำสามารถทำในสิ่งที่เขาชอบได้  เช่นเดียวกันหากเราอยากมีชีวิตที่พระเจ้าพอพระทัย  อยากทำในสิ่งที่พระเจ้าชอบพระทัย  เราก็ต้องเรียนรู้จักว่าพระทัยของพระเจ้าเป็นอย่างไร  พระเจ้าคิดอย่างไร  พระเจ้ามีมุมมองอย่างไร  พระเจ้าต้องการอะไรจากชีวิตของเรา   

การปฏิบัติตัวอย่างสมควรต่อพระผู้สร้างเป็นเคล็ดลับ
เป็นกุญแจ ไขไปสู่  การมีชีวิตที่เกิดผลดีทุกอย่าง    และไม่หยุดเท่านี้  แต่จะมีผลต่อชีวิตคริสเตียนที่
                ชีวิตที่เจริญขึ้น          
                ชีวิตมีกำลังมากขึ้น   
                ชีวิตที่ทรหด –อดทนด้วยความยินดี 

นั่นคือจุดมุ่งหมายชีวิตของหลายๆคนในวันนี้  เราอยากประสบความสำเร็จในการเรียน  ในงาน ในธุรกิจการงาน ในหน้าที่ที่รับผิดชอบอยู่   ทุกๆอย่างที่มือของเราจับการงานอะไรอยู่เราก็อยากเห็นพรแห่งพระพร    การอวยพระพร การเทพระพรมากยิ่ง  การมีชีวิตเต็มล้นท่ามกลางสถานการณ์ที่โลกเราในปัจจุบันน่าเป็นห่วง    ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจค่าเงินบาทที่เรากำหนดให้เกิดขึ้นตามใจไม่ได้    ท่ามกลางปัญหาภาคใต้หลายๆปีที่แก้ไม่ตก  ท่ามกลางโจรป่วนเมือง  ปัญหายาเสพติด  ท่ามกลางปัญหาชีวิตคนกดดันสุดๆ  ต้องฆ่าตัวตาย   ทุกๆคนกำลังมีชีวิตอยู่อย่างหวาดระแวง  และวิตกกังวล  และกลัวที่เดินพลาดพลั้งไป   

แต่ในท่ามกลางเช่นนี้  คนหลายคนยิ่งดิ้น ยิ่งดื้อ ยิ่งยาก  เรากำลังเดินไปสู่เส้นทางชีวิตที่ยากขึ้น  มีชีวิตที่ยากลำบากขึ้น  กดดันมากขึ้น  หัวใจเต้นเร็วขึ้น   แต่เคล็ดลับที่พระคัมภีร์สอนไว้ในวันนี้ก็คือว่า   ให้เราเริ่มต้นใหม่ที่พระเจ้าก่อน    เริ่มต้นกลับมาที่เข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้า  รู้ซึ้งถึงพระสติปัญญา  รู้พระพรฝ่ายวิญญาณ 


ท่ามกลางปัญหานั้นๆ  เรายังสามารถมีชีวิตที่เกิดผลได้
ตัวอย่าง ชีวิตโยเชฟ 
           เป็นลูกชายคนยาโคบรักมาก  เพราะเป็นลูกที่ได้มาจากภรรยาชื่อราเชลหญิงที่เขารักมาก    เขายอมทำงาน14 ปีเพื่อจะได้แต่งงานกับราเชล    และเมื่อราเชลให้ลูกชายแก่เขา   เขาทำเสื้อผ้าสวยให้โยเชฟใส่    แต่ต่อมาพี่ๆก็อิจฉา    ขายโยเชฟไปเป็นขี้ข้ารับใช้ในบ้านทหารโปทิฟา   พระเจ้าอวยพระพรให้เขาทำงานดี ดีขึ้นทุกๆอย่าง  วันหนึ่งนายไม่อยู่ไปราชการภรรยาของนายก็ดึงแขนโยเชฟเพื่อหลับนอนด้วยกัน  ผู้ชายสมัยนี้เป็นอย่างไง  วิ่งเข้าไป...... แต่โยเชฟไม่ทำอย่างนั้นเพราะเขามีจริยธรรม  เขายำเกรงพระเจ้า เขามีชีวิตที่แตกต่างจากคนของโลก  เขาถูกใส่ร้ายจนนายจับขังคุก2 ปี แต่ในสถานการณ์ชีวิตของเขา  เขามิได้โกรธพี่น้องที่ขายตัวเอง  เขามิได้โกรธนายที่จับใส่คุก2ปี  แต่เขากลับมองว่า  พระเจ้ามีแผนการในชีวิตของเขาไว้เช่นนี้  เขาไม่ได้โทษใครเลย     ชีวิตของโยเชฟพระคัมภีร์บอกว่าเป็นคนที่เกิดผลมาก   เพราะโยเชฟเข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้า   เขารู้ว่าพระสติปัญญาของพระเจ้ายอดเยี่ยมกว่าความคิดของเขาเอง     ปฐก 39: 2-4     พระเจ้าสถติอยู่กับโยเชฟ  ทำให้เขาเจริญรวดเร็ว  และโปรดให้การงานทุกอย่างที่โยเชฟทำเกิดผล   เป็นที่รักของนายท่าน 
  
            พระคัมภีร์สอนว่า   สิ่งที่เราคิดไม่ถึง หูไม่ได้ยิน และมองไม่เห็น คือสิ่งที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้ สำหรับคนที่รักพระเจ้า 1คร2:9     พระเจ้าทรงช่วยคนที่รักพระองค์ให้เกิดผลอันดีในทุกๆสิ่งท่านทั้งหลายจงเชื่อมั่นเช่นนั้น   โรม8

ตัวอย่าง  ชนชาติอิสราเอล    ฮักกัย1:5-11
เขาไม่ยินยอมอยู่ในแผนการนำพาของพระเจ้า  บ่นอย่างเดียว ดีก็เงียบ ไม่ดีก็บ่นว่าพระเจ้า   พระเจ้าประทานมานาการเลี้ยงดูจากสวรรค์มาให้ทุกเช้าไม่ได้ขาดสน  แต่เขาก็บอกว่าเบื่อหน่ายเหลือเกิน   เขาทำตัวเข้าใจพระเจ้ายาก เขาไม่สนพระทัยพระเจ้า  เขายังขัดขื่น  หันไปหาพระอื่น    ฮักกัย2:17 พระเจ้าโจมตี ทำให้ข้าวขึ้นรา และให้ข้าวเม็ดลีบ  ให้ลูกเห็บใหญ่ตกใส่พืชพัก   แต่อิสราเอลก็หาปรับใจเข้าใจพระทัยพระเจ้าไม่ ..... 


           ผลกระทบที่เขาเผชิญเป็นอย่างไร ..... ฮักกัย1:6  หว่านมากแต่กลับได้น้อย กินแต่ไม่อิ่ม ได้ค่าจ้างมาใส่ถุงที่มีรู....พระเจ้าเป่าผลผลิตที่ได้มาออกไป..... เหมือนลูกปิงปองโดนตีกลับ....ชีวิตจึงไม่ประสบความสำเร็จใดๆ มีแต่เหนื่อยอ่อน  กินลมกินแล้ง.... 
           เราอยากจะมีชีวิตเดินรอยตามเช่นเดียวกับอิสราเอลหรือ?  ไม่แน่นอน   เราไม่ต้องการบทสรุปชีวิตแบบนั้นแต่เราต้องการมุ่งชีวิตที่เกิดผลมากทุกๆด้าน..... เราปรารถนาที่จะเห็นพระเจ้าสนับสนุนผลงานจากน้ำมือของเราทำไหม?...........            


สรุป นำคำสอนไปใช้

พี่น้องที่รัก  นี่คือสิ่งที่เปาโลไม่หยุดในการอธิษฐานเผื่อพี่น้อง  เพราะท่านอยากเห็นพี่น้องทุกๆคนมีชีวิตที่เกิดผลมากมาย   พี่น้องหากอยากเห็นชีวิตของเราทุกคนเกิดผลมากมาย  ยิ่งๆขึ้นนั้น

           - จงอย่าหยุดในการอธิษฐานขอให้เราเข้าใจพระทัยพระเจ้า  
           - พระคัมภีร์สอนว่า  พระเจ้าทรงช่วยคนที่รักพระองค์ให้เกิดผลอันดีในทุกสิ่ง    การที่ชีวิตของเราเริ่มต้นกับพระเจ้าถูกต้องนั้น   เป็นการเปิดช่องแห่งธารพระพร  เป็นเหตุทำให้ชีวิตคริสเตียนเกิดผลในทุกๆด้าน........ เหมือนต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมธารน้ำ......  พระเจ้าจะทรงช่วยคนที่รักพระองค์ให้เกิดผลอันดีในสารพัดสิ่ง... จงมั่นใจในสิ่งที่พระเจ้าจะทรงกระทำให้  ขอเพียงเรายอมรับน้ำพระทัย  เข้าใจพระปัญญาแผนการของพระองค์  และเข้าใจใส่ใจฝ่ายวิญญาณ   อย่าให้จิตวิญญาณของเราอ่อนแอ  แห้งแล้ง   เรียนรู้ที่จะทำให้เจ้าบ่าวของเราพึงพอใจเสมอ
พระพรต่างๆ  การอวยพระพร  การอุ้มชูดูแล  การปกป้องรักษา  การเลี้ยงดูของพระเจ้าจะไม่ขาดในชีวิตของเรา  เราจะเห็นพระคุณของพระเจ้าเสมอๆ   ในยามที่ฝูงชนบ่นว่าแย่  แต่พระเจ้ารู้ว่าจะทรงเลี้ยงดูเราได้ด้วยวิธีการของพระองค์     ทรงรู้วิธีการที่จะนำพาคนของพระองค์ไปสู่ชีวิตที่เกิดผลมากทุกๆอย่าง  ทุกๆด้าน

           -คนที่วางใจในพระเจ้าย่อมได้รับพระพร  เยเรมีย์17:7-8  คริสเตียนเป็นพันธุ์ดี  ออกผลดก......
           -พระเจ้าจะทรงกระทำให้วิถีของเจ้าราบรื่น  สภษ3:5-6 
           -จงละความกระวนกระวายของเราไว้กับพระเจ้า เพราะพระเจ้าทรงห่วงใยท่าน   1ปต5:7

          ครอบครัวที่มีความสุข    ธุรกิจการงานที่พระเจ้ารับรอง และทรงเจิมไว้  พระเจ้าอวยพระพรให้รุดหน้าไปได้
มีกำไรขึ้น  เงินเดินเพิ่มขึ้น  ร่ำรวยมากมายขึ้น  พระคัมภีร์เตือนคริสเตียนที่มั่งมีในสมัยนั้นว่า   ไม่ให้มั่นใจในทรัพย์ที่ไม่เที่ยง    จากพระคัมภีร์ตอนนั้น   แสดงว่าให้เราเห็นว่า    พระเจ้าพอพระทัยให้คริสเตียนสมัยนั้นมั่งมีได้ด้วย  ฉันใด    พระเจ้าสามารถที่อวยพระพรพี่น้องให้มั่งมากมายเพื่อถวายพระเกียรติได้เช่นกัน    แต่ท่านจะต้องเป็นคนมั่งมีมากเพื่อถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า .....

ศึกษาพระคัมภีร์ หัวข้อ วิธีบริหารเงินทอง


ศึกษาพระคัมภีร์ หัวข้อ  วิธีบริหารเงินทอง            
  พระธรรม   ฉธบ 8.11-20     โดย อ.เรวัฒน์ เทพจักร์
www.Thaichristians.net  email: info@thaichristians.net


บทนำ   พระเจ้าทรงประทานเงินทองเพื่อเรา ไม่ว่าจะโดยผ่านการทำงานอะไร หรือมีทุนสะสม  หรือมีผู้สนับสนุนเป็นประจำ  เงินทองอยู่ในอำนาจของเรา ในการบริหารและจัดการ  คนที่รู้จักจัดการ และบริหารเงินทองดี ก็ได้รับพระพร หากจัดสรรไม่ถูกก็จะเป็นภัย   เป็นทุกข์แก่ตนเอง   และคนใกล้ชิด

กฎ 7 ประการกับการจัดงบส่วนตัว

หนึ่ง  เราต้อง  แยก   รายรับส่วนหนึ่งไว้เพื่อ   ถวายพระเจ้า

-เป็นการประกาศยอมรับว่า เงินทองเป็นของพระเจ้า  ฮักกัย 2.8
-เราควรตั้งเป้าหมายไม่ยักยอกฉ้อโกง  พระเจ้า     และ ของๆผู้ใด  มาลาค 3.8  ยอห์น 12.6

สอง  เราต้อง  แบ่ง  รายได้ส่วนหนึ่งเพื่อ       จ่ายให้แก่ รัฐบาล   (ภาษี)
-เป็นการประกาศการเป็นพลเมือง โดยการเสียภาษี และไม่ค้าขายของหนีภาษี  มัทธิว 22.21
-เราพยายามไม่เป็นภาระแก่ผู้อื่น  2ธส 3.8
-ตั้งใจหางานทำอาชีพสุจริตที่พระเจ้ายอมรับเท่านั้น  ยอห์น 2.15-16  อสค 22.12

สาม  เราต้อง   จัดสรร  รายได้ส่วนหนึ่งเพื่อ   ความจำเป็นของครอบครัว
-เป็นการประกาศความรับผิดชอบต่อครัวเรือน   1ทธ 5.8
-อย่าสร้างนิสัยเป็นคนเห็นเงิน  โลภอย่างได้ อยากมี    ฮร 13.5

สี เราต้อง  ตัด  รายรับส่วนหนึ่งเพื่อ   หนี้สิน
-เราไม่ควรกู้หนี้ยืมสิน เพราะทำให้เราตกเป็นทาส  สุภาษิต 22.7
-เราต้องรีบชดใช้ ชำระหนี้สินให้หมดโดยเร็วที่สุด   สดุดี 37.21

ห้า เราต้อง   จัดเตรียม  ส่วนหนึ่งเพื่อตอบสนองความจำเป็นของ  ผู้อื่น
-เป็นการประกาศ / สำแดงความรัก และถวายเกียรติ  2 คร 11.7
-เพื่อช่วยเหลือ บรรเทาทุกข์ผู้มีปัญหา  โรม 15.26

หก   เราต้อง    สำรองทุน  ส่วนหนึ่งของรายได้ของเราไว้เป็นทุนสำหรับ  ฉุกเฉิน ของชีวิต
-เป็นการประกาศความพร้อมสำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน   สภษ 6.6-9
เช่น  ยามเจ็บป่วย  อุบัติเหตุ    เรียนต่อ  เพื่อที่อยู่อาศัย

เจ็ด  หากยังมีเงินเหลืออยู่  เราก็อาจจะใช้เพื่อเป็น  รางวัลชีวิต
-เป็นการประกาศการเฉลิมฉลอง ด้วยความขอบคุณพระเจ้า  เอสรา 7.18

สรุป  ให้เราตั้งเป้าว่าไม่ว่าจะมีมากหรือมีน้อย อย่าง ลก 21.4  และหากไม่มีจริงๆจงเป็นคน สัตย์ซื่อ  ในเรื่องเงินและหน้าที่ความรับผิดชอบของตน  กจ 3.6  เพราะถ้าเราสัตย์ซื่อในการจัดการเรื่องเงินทอง    เราจะได้รับการไว้วางใจจากพระเจ้า  และผู้อื่น  มธ 25.21 และ ข้อ 23,29 จงเป็นคนมีชื่อเสียงดีโดยเฉพาะเรื่องเงินทอง    สภษ 22.1
จงตั้งมาตรฐานขั้นต่ำไว้ว่า
-จะสัตย์ซื่อต่อพระเจ้าในเรื่องเงิน  เวลา 
-ตั้งเป้าว่าจะจัดการกับระแบบการเงินใหม่อย่างถูกต้อง   จะไม่พยายามกู้หนี้ยมสินมาอีก  โรม13   จะไม่พยายามให้
ใครยืมเงิน  แต่ถ้าจะช่วยเหลือจะให้เปล่าๆ ไม่คิดดอกเบี้ย    และจะให้ผ่านคริสตจักรเท่านั้น จะไม่ให้โดยตรง

การแบ่งเงินเป็นกองๆ
หันมาสร้างอิสรภาพทางการเงินกันดีกว่า ต้องคิดว่าในบั้นปลายของชีวิตเราต้องใช้ชีวิตอยู่คนเดียว ฉะนั้นเราควรจะคิดเตรียมเอาไว้ ยิ่งอยู่ตัวคนเดียว ยิ่งมีเวลามากกว่าคนมีครอบครัว ถ้าใช้เวลาไม่ถูกก็จะฟุ้งซ่านเปล่าๆ ใช้ชีวิตไม่ระมัดระวัง ใช้ชีวิตแบบประมาท กลายเป็นสร้างภาระเข้าไปอีก หนี้สินอาจจะเกิดได้'
การแบ่งเงินสำหรับคนแบ่งเงินเป็น 4 กอง   
โสด
       - เงินก้อนที่ 
1  ถวายสิบลดแด่พระเจ้า    10 %
       - เงินก้อนที่  
2  ใช้จ่ายในปัจจุบัน      ควรจะจัดสรร 50  % ของรายได้ในแต่ละเดือน
       - เงินก้อนที่  
3   คือเงินที่เตรียมไว้สำหรับสถานการณ์ 'ฉุกเฉิน' ที่ควรจะเตรียมไว้ 10 % ของรายได้ในแต่ละเดือน
       - เงินก้อนที่  
4  เงินที่เตรียมไว้สำหรับ 'อนาคต 30 % คือ   
มีครอบครัว
       - เงินก้อนที่  1  ถวายสิบลดแด่พระเจ้า    10 %
       - เงินก้อนที่  
2  ใช้จ่ายในปัจจุบัน      ควรจะจัดสรร 50 % ของรายได้ในแต่ละเดือน
       - เงินก้อนที่  
3   คือเงินที่เตรียมไว้สำหรับสถานการณ์ 'ฉุกเฉิน' ที่ควรจะเตรียมไว้ 25% ของรายได้ในแต่ละเดือน
       - เงินก้อนที่  
4  เงินที่เตรียมไว้สำหรับ 'อนาคต15 % คือ   

คนที่ตั้งใจจะครองโสดในอนาคตคงไม่มีใครดูแลเรา เพราะฉะนั้นเราต้องเตรียมแผนการเงินไว้รองรับอย่างดี แต่สูตรที่บอกนี้ ไม่ใช่ว่าเหมาะกับทุกคน เพราะแต่ละคนมีภาระ และการใช้จ่ายที่ไม่เหมือนกัน เงินที่เตรียมไว้สำหรับอนาคตนั้น ถ้าใครที่มีภาระต้องใช้จ่ายเยอะก็อาจจะลดตรงส่วนนี้ลง             แต่แน่นอนว่าสูตรนี้อาจไม่เหมาะสำหรับคนที่มีครอบครัว เพราะอาจจะมีภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนมากกว่า นั่นก็อาจทำให้ต้องออมเพื่ออนาคตให้น้อยลง'

ออม-ลงทุนระยะยาวเพื่ออนาคต บนสมมติฐานที่ว่าในบั้นปลายของชีวิต คุณอาจจะต้องใช้ชีวิตเพียงลำพัง ไม่มีลูกหลานคอยดูแลเหมือนคนที่มีครอบครัว อัจฉราแนะว่าในแง่ของการออม และลงทุนจึงต้องมองหาช่องทางการลงทุนระยะยาวไว้เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการออมเงินผ่านประกัน ลงทุนในกองทุนหุ้นระยะยาว
'ต้องนึกไว้เสมอว่าไม่มีใครดูแลเรา เพราะฉะนั้นในแง่ของการลงทุนเราอาจจะต้องเน้นลงทุนระยะยาว ซื้อทั้งประกันชีวิต ประกันสุขภาพ และประกันทรัพย์สิน ขณะเดียวกันถ้าเป็นการลงทุนก็ควรจะเน้นลงทุนระยะยาว แต่มีส่วนหนึ่งฝากแบงก์ติดไว้บ้าง หรือไม่ก็ลงทุนในสลากออมสินระยะ 5-10 ปีไว้สักนิด'

นกน้อยทำรังแต่พอตัว หากเป็นคนมีครอบครัวจะสร้างบ้านใหญ่โตแค่ไหน ก็มีคนช่วยผ่อนช่วยจ่าย แต่หากเป็นคนโสดควรวิเคราะห์ และรู้จักตัวเองให้มากที่สุด เมื่อรักที่จะครองโสดก็ไม่จำเป็นต้องสร้างหรือเลือกบ้านให้ใหญ่โตมากนัก      

ตัวเลขเศรษฐกิจของไทยเมื่อเร็วๆ นี้ ระบุว่าอัตราเงินเฟ้อหลักเฉพาะเดือน ส.ค. ปรับขึ้นสูงสุดในรอบ
7 ปี อยู่ที่ระดับ 5.6% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือน ก.ค.ซึ่งอยู่ที่ระดับ 5.3% โดยตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเป็นผลจากราคาสินค้ากลุ่มอาหารกับราคาน้ำมันปรับขึ้น

                                     การบริหารเงินออมคืออะไร
คือการจัดสรรรายได้มาเพื่อเป็นเงินออม และนำเงินออมเหล่านั้นมาสร้างผลตอบแทนให้กับตนเอง
อีกทั้งยังเป็นหลักประกันให้กับอนาคตขอบตนเองและครอบครัว เช่น อาจใช้เป็นค่ารักษาพยาบาล
หรือเป็นทุนการศึกษา และหากมีการจัดสรรเงินออมได้อย่างเหมาะสมแล้ว
เงินออมเหล่านั้นจะสามารถเพิ่มผลตอบแทนได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เช่น การฝากเงินกับธนาคาร
การทำประกันชีวิต ตลอดจนการลงทุนในกองทุนรวมต่าง ๆ

                                                   7 วิธีมีเงินออม
1. กำหนดเป้าหมายการเก็บออม
    ( แต่ละเดือน แต่ละปี จะมีเงินออมเท่าไร)
2
. กำหนดเป้าหมายการใช้จ่าย
    ( แต่ละวัน แต่ละเดือนจะมีเงินเท่าไร เมื่อไรต้องใช้เงินก้อนใหญ่)
3
. ประหยัดรายจ่าย
   (จ่ายน้อยกว่าหรือเท่ากับเป้าหมายการใช้จ่ายที่ตั้งไว้ เพื่อให้มีเงินเหลือมากขึ้น)
4
. จ่ายคุ้มค่า
    (จ่ายเท่าเดิมแต่ได้ประโยชน์มากขึ้น)
5
. ใช้เท่าที่จำเป็น
     (น้ำประปา ไฟฟ้า โทรศัพท์มือถือ)
6
. พึงระวังค่าใช้จ่ายที่มักจะนึกไม่ถึง
     ( ค่าธรรมเนียมรายเดือน รายปี ค่าภาษี ค่าดอกเบี้ยบัตรเครดิต ค่าปรับจ่ายหนี้ช้า)
7
. ไม่ก่อหนี้โดยไม่จำเป็นและเกินกำลัง


                                          5 ข้อก่อร่าง  สร้างตัว
1. วางแผนให้ดี ทำบัญชีเป็นนิจ     
ก่อนจะใช้จ่ายแต่ละเดือน ควรมีการวางแผนไว้ให้ดี เช่น
ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จะได้รู้ว่าเงินหมดไปกับอะไรบ้าง พร้อมทั้งฝึกจดจำและทำบัญชีให้เป็นนิสัย เพราะจะช่วยให้เราตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออกไปได้
2. ต้องมีวินัย จิตใจเด็ดเดี่ยว     
เมื่อคิดจะตั้งตัวก็ควรตั้งใจให้มั่น เช่น กำหนดไปเลยว่าจะแบ่งเงินส่วนหนึ่งไว้เพื่อเป็นเงินออมทุกเดือน ก็ควรทำให้ได้ทุกเดือน และต้องมีใจเด็ดเดี่ยวไม่เผลอไผลไปกับสิ่งฟุ้มเฟือย เมื่อทำได้ก็จะภาคภูมิใจกับเงินออมของตนที่ค่อย ๆ เพิ่มพูนขึ้นทีละน้อย
3. แม้เงินนิดเดียวก็ออมได้
อย่าท้อใจว่ามีเงินน้อย เพราะหากคุณมีเงินเพียงหนึ่งบาท ก็สามารถออมได้ ถ้าตั้งใจจริงและรู้จักใช้ รู้จักเก็บ ไม่นานเงินเพียงหนึ่งบาทก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเป็นหลักร้อยหลักพันในที่สุด
4. ค่อยเป็นค่อยไปอย่าใจร้อน
การออมเงินก็เหมือน การปลูกต้นไม้ จะให้โตภายในข้ามคืนคงเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าหมั่นรดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย ต้นกล้าที่เราเฝ้าเอาใจใส่ก็จะค่อย ๆ เติบโตจนออกผลให้เราเก็บกินได้อย่างภาคภูมิใจ
5. ยิ่งออมก่อน ยิ่งได้เปรียบ
การออมเงินเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยระยะเวลา ดังนั้นเมื่อใครเริ่มออมได้ไว ยิ่งนานเท่าไร เงินออมที่เก็บไว้ยิ่งทวีค่าขึ้นตามระยะเวลา ดังนั้นเราควรเริ่มฝึกนิสัยให้รักการออมเสียตั้งแต่วันนี้ อย่าผลัดวันประกันพรุ่งยิ่งออมไวยิ่งได้เปรียบ
ลองตอบคำถามดังต่อไปนี้ เพื่อตรวจสอบนิสัยการใช้จ่ายเงินของคุณ และเพื่อช่วยให้คุณทราบสถานะการเงินของคุณว่า กำลังตกอยู่ในสถานการณ์เช่นใด ปลอดภัยดี หรือว่าอยู่ในขั้นอันตราย ที่คุณจะต้องควบคุมการใช้จ่ายของคุณอย่างเร่งด่วน

                             สัญญาณ 14 ข้อเตือนว่าคุณกำลังจะเป็นหนี้
-คุณสามารถชำระเงินคืนบัตรเครดิตการ์ดได้เพียงจำนวนต่ำสุดเท่าที่ระบุเท่านั้นเอง ใช่หรือไม่
-คุณไม่แน่ใจว่าคุณเป็นหนี้ทั้งหมดอยู่เท่าไหร่
-คุณชำระเงินค่าใช้จ่ายประจำเดือนต่างๆ สายเสมอ
-บางครั้ง คุณจำเป็นต้องข้ามการชำระเงินให้กับเจ้าหนี้รายหนึ่งก่อน เพื่อนำเงินไปชำระให้กับเจ้าหนี้อีกราย
-คุณมีเงินสำรองยามฉุกเฉินไม่เพียงพอ
-ถ้าคุณตกงานในเวลานี้ คุณสามารถชำระเงินค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการดำรงชีพได้หรือไม่
-คุณได้รับโทรศัพท์หรือจดหมายเตือนให้ชำระเงินจากเจ้าหนี้เสมอ ใช่หรือไม่
-บัตรเครดิตการ์ดของคุณใกล้จะเต็มจำนวนวงเงินเครดิตแล้ว
-คุณยืมเงินจากเครดิตใบหนึ่งเพื่อนำไปชำระให้กับเครดิตการ์ดอีกใบ ใช่หรือไม่
-คุณเริ่มสัปดาห์ใหม่ด้วยเงินเต็มกระเปำสตางค์ และตอนปลายสัปดาห์เงินคุณหมด โดยคุณเองก็ไม่ทราบว่าหายไปไหน คุณจ่ายอะไรไปบ้าง ใช่หรือไม่
-บ่อยครั้งที่คุณเสียเงินซื้อของเพียงเพราะว่าคุณอยากซื้อเท่านั้น โดยไม่สนใจว่าจำเป็นหรือไม่
-คุณเคยถอนเงินออมยามเกษียณมาชำระค่าใช้จ่ายต่างๆในปัจจุบัน
-บางครั้งคุณต้องเลื่อนการไปหาหมอ หรือไปทำฟันเพราะว่าคุณไม่มีเงินชำระค่ารักษาพยาบาล
-คุณกำลังใช้จ่ายเงินจำนวนมากกว่าที่คุณหาได้ และ/หรือคุณไม่มีเงินเก็บ

ถ้าคุณตอบ ใช่ แม้แต่ข้อเดียวในคำถามเหล่านี้ คุณจำเป็นจะต้องควบคุมและ ระมัดระวังในการใช้จ่ายของคุณเสียแล้วล่ะ 

เรื่อง สี่การทดสอบของพระเจ้า


เรื่อง   สี่การทดสอบของพระเจ้า

โยบ บทที่ 23:10  ด้วยว่าพระองค์ทรงทราบทางที่ข้าไป เมื่อพระองค์ทรงทดสอบข้าแล้ว ข้าก็จะเป็นอย่างทองคำ
สดุดี บทที่ 11:4    พระเจ้าทรงสถิตในพระวิหารอันบริสุทธิ์ของพระองค์  พระที่นั่งของพระเจ้าอยู่บนฟ้าสวรรค์ พระเนตรของพระองค์มองและทดสอบลูกหลานของมนุษย์  5 พระเจ้าทรงทดสอบทั้งคนชอบธรรมและคนอธรรม  และวิญญาณของพระองค์ทรงเกลียดชังผู้ที่รักความทารุณโหดร้าย


คำนำ  ช่วงนี้นักเรียน นักศึกษาหลายคน ก็เริ่มได้รับผลการสอบของตนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  บางคนดีใจที่ผลการสอบออกมาดี  แต่สำหรับหลายคนก็ต้องร้องไห้เสียใจเพราะสอบตก  และต้องไปจัดการสอบซ่อม  
   
         - บางคนจริงจังมากกับการสอบ  บางคนถึงกับฆ่าตัวตายเมื่อสอบไม่ผ่าน 
         - บทเรียนที่เราได้จากการสอบแต่ละครั้งที่ผ่านมาคืออะไร?.... การสอบเป็นตัวบ่งชี้ว่าตั้งใจแค่ไหน ? เข้าใจแค่ไหน?
           บางคนสอบผ่าน  บางคนสอบไม่ผ่าน  ( มันหมายความว่าอย่างไร )
- ข้อสอบแต่ละระดับชั้น   ยากง่ายแตกต่างกันไป..... เมื่อสอบระดับหนึ่งผ่านได้ ก็จะก้าวขึ้นสอบอีกระดับหนึ่งเรื่อยๆ

เช่นเดียวกับชีวิตคริสเตียนเราต้องเผชิญกับการทดสอบที่พระเจ้าได้อนุญาตให้เกิดขึ้นกับเราเสมอๆ   เพื่อทดสอบความรักของเราที่มีต่อพระเจ้า  และเพื่อเราจะเป็นผู้ใหญ่ขึ้นในความเชื่อ  และมีความเข้าใจในการดำเนินชีวิตคริสเตียนตามหลักของพระวจนะของพระเจ้ามากขึ้น   และเข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้าว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัย อะไรดียอดเยี่ยม   การทดสอบแต่ละครั้งนั้น  พระเจ้าคาดหวังให้เราเติบโตขึ้น  พระเจ้าต้องการให้เรารู้จักตัวเอง ให้เราเห็นกำลังของตัวเอง  และรู้จักพระเจ้าผ่านอุปสรรคปัญหานั้นๆ   โยบกล่าวว่า.. เมื่อพระองค์ทดสอบข้าแล้ว  ข้าก็จะเป็นดังทองคำ ....   เมื่อฃีวิตถูกไฟแห่งการทดสอบผ่านพ้นไปแล้ว  พระเจ้าจะสร้างให้เราเป็นทองคำ มีคุณค่า และราคาสูง        


และเมื่อเราพิจารณาดูจากพระคำของพระเจ้า  การทดสอบมีหลายประเภทด้วยกันที่พระเจ้าให้เกิดขึ้นกับคนของพระเจ้า   

ประการที่ 1 ทรงทดสอบโดย  ขอสิ่งที่รัก และสิ่งที่หวง   ปฐก 22:1-2 

-       บุตรคนเดียวที่เจ้ารัก   พระเจ้าท้าทายได้ท้าทายให้เรากล้าที่จะถวายสิ่งที่เรารัก  การที่เราจะกล้าถวายสิ่งที่เรารักมากได้ก็ต่อเมื่อเราได้ทุ่มเทชีวิตให้กับสิ่งที่เรารักมากกว่า  การเสียสละคือการที่เราคืนสิ่งนั้นให้กับพระเจ้า 
-       พระเจ้าทรงทดสอบอัมราฮัมในความรักที่เขามีต่อพระเจ้า  แต่อัมราฮัมสอบผ่านในครั้งนี้ได้ เพราะอัมราฮัมรักและเชื่อฟังพระเจ้ามากกว่า   เขาเชื่อพระเจ้าจะทรงจัดเตรียมสิ่งที่ดีที่สุดให้เสมอ  ฮร11:17-18 
-       เชื่อเดียวกันมนุษย์ทุกคนรักชีวิตของตัวเอง  พระเจ้าจึงท้าทายให้เราสละชีวิตเพื่อเห็นแก่พระราชกิจของพระเจ้า มธ10:17-19  ทรงให้เรากล้าที่จะทุ่มเทเวลา แรงกาย ความสามารถให้กับงานพระเจ้า  พระเจ้าต้องการดูว่าเราจะเสียสละและกล้าทุ่มเทใจกับพระเจ้าไหม  
-       น่าเศร้าใจหลายครั้งเราก็สอบตก โดยเห็นสิ่งอื่นๆดีกว่าพระเจ้า  บางคนรักงานมากกว่าพระเจ้า  บางคนรักสิ่งของมากกว่าพระเจ้า  บางคนรักชื่อเสียงมากกว่าพระเจ้า 
-       แต่อับราฮัมเขากล้าที่จะถวายบุตรที่เขารักให้พระเจ้า  พระเจ้าจึงเห็นความจริงใจ ความรัก ใจที่เชื่อของเขา  จึง
ตรัสกับเขาว่า 
ต่อไปนี้คนจะเรียกเขาว่าเป็นบิดาแห่งความเชื่อ เพราะเขาผ่านการทดสอบของพระเจ้า  เขาจึงได้รับพระพร  พระพรนั้นตกไปถึงลูกหลาย ดู ปฐก 26:5 

-       สรุป  : วันนี้พระเจ้าอาจกำลังทดสอบใจของเราว่า เรารักพระเจ้ากว่าสิ่งของที่มีอยู่หรือไม่?.... ขอให้เราสอบผ่าน
เหมือนอย่างอับราฮัม   จงระวังที่จะสอบให้ผ่านจนได้ 


ประการที่ 2 ทรงทดสอบโดย  นำเราสู่ช่วงเวลาที่ยากลำบากในชีวิต   ฉธบ8:2 

            -    ความยากลำบากเป็นตัวทดสอบความรักของเราที่มีต่อพระเจ้า  พระเจ้าทดสอบอิสราเอลในภาคสนามคือถิ่นที่
                 ทุรกันดาร  เต็มไปด้วยงูแมวเซา  พบบ่อน้ำที่ขม   มีอุปสรรคปัญหา   เพื่อเขาจะได้ถ่อมใจลงต่อ
                 พระองค์  ความยากลำบากจะมีผลดีต่อชีวิตของเรา  เพื่อเราจะเรียนรู้ใน
การแสวงหาการทรงนำที่มาจากพระเจ้า 
                 เท่านั้น  และจะเริ่มตระหนักในใจว่า  มนุษย์ก็คือมนุษย์ที่อ่อนแอ จะไปหวังอะไรเขาไม่ได้  เขาไม่ได้สมบูรณ์ทุก
                 อย่าง   เขาก็คนที่อ่อนแอคนหนึ่ง  เขาก็มีปัญหาของเขา  ในที่สุดเราจะมีความเชื่อที่หนักแน่น  ยืนหยัดอยู่ในพระ
                 เจ้า   หวังใจในพระเจ้าผู้เดียว  พึ่งพาพระเจ้าองค์เดียว  รอคอยกับพระเจ้า
 
            -    เพื่อพิสูจน์จิตใจของผู้เชื่อว่า  เมื่อตกทุกข์ได้ยาก เราจะยังคงรักและยึดพระวจนะของพระเจ้าไว้ให้มั่นหรือไม่ ?
                 น่าเศร้าใจที่หลายคน  ทิ้งพระคำ หย่อนยานในการอ่านพระคำ  ไม่ปฏิบัติตามพระคำ  บางคนดูหมิ่นพระคำ
                 เอาพระคัมภีร์มาคืน


            -    บางครั้งพระเจ้าทดสอบจิตใจของเราให้เรามั่นคงแข็งแรงยิ่งขึ้น  และเพื่อเราจะสมบูรณ์  ดีพร้อมที่จะปรนนิบัติ
                 พระเจ้า   แต่พระเจ้าสามารถรับประกัน หรืออวดเราได้  ตัวอย่าง 
ชีวิตโยบ มีทุกอย่าง ได้ทุกสิ่ง แต่ชีวิตหมดสิ้น
                 ทุกอย่าง  ได้มาก็หมดไป  มามือเปล่ากลับไปมือเปล่า   อ่อนล้าหมดแรง  สุขภาพก็แย่ลง  มีโรคร้ายกัดกิน จน
                 คนแทนที่แต่ก่อนมายืนดูชื่นชม สรรเสริญ  แต่วันนี้มายืนมุ่งดูด้วยสงสาร และสมเพศตัวเอง
 
            -    แต่ในที่สุดพระเจ้าก็จะมอบความรัก ความยุติธรรมแก่เขา      โยบ34:12   โยบ23:10   สดด7:9
             -   เมื่อชีวิตของเราเดินมาถึงจุดหนึ่งที่ดูยากลำบาก  ให้อธิษฐานมอบชีวิตกับพระเจ้า  บอกกับพระองค์  และอย่ามี
                 ท่าทีก้าวร้าวต่อพระเจ้า  อย่ามีท่าทีที่ตำหนิพระเจ้า หรือน้อยใจพระองค์  แต่ให้ขอบคุณพระเจ้าโดยระลึกถึง
                 มุมมองเช่นเดียวกับโยบ  ที่ว่าพระเจ้าให้มา พระเจ้านำออกไปก็ดีแล้ว    นี่คือจุดเริ่มต้นของชนะ  เป็นขั้นแรกของ
                 ลู่วิ่งของผู้ชัยชนะ     เพราะอย่างน้อยก็ได้ชนะใจตัวเองได้   
            -    ผลสุดท้ายพระเจ้าก็ทรงตอบแทนให้กับโยบหลายเท่า  จากจุดที่เขาสูญเสียไป  ในชีวิตของท่านทั้งหลายอาจจะ
                 สูญเสียไปมากมายหลายเท่า  พระเจ้าอาจจะอนุญาตให้เราสูญเสีย และหมดไป  แต่หากเราผ่านการทดสอบของ
                 พระเจ้าแล้ว   ยังยึดหมั่นในพระวจนะคำของพระเจ้า    แล้วพระเจ้าจะเติมเราให้เต็ม  


                อย่าเป็นมนุษย์ธรรมดา  มนุษย์ธรรมดาคือเมื่อเจอปัญหาแล้วบ่น และมักหลีกหนีปัญหา 
            -   ตัวอย่าง:  มีคนหนึ่งมาหาศิษยาภิบาลถามว่ามีที่ไหนบ้างไหม ที่ไม่มีปัญหาเลย  เพราะชีวิตของลูกนั้นเต็มไปด้วย
                ปัญหา   อยู่กับคน มีแต่ปัญหา  อาจารย์บอกว่ามี ...เดี๋ยวผมจะพาไปดูนะ  สักครู่ก็พาชายหนุ่มไปดูหลัง
                โบสถ์   พร้อมกับชี้ให้ชายหนุ่มดูว่า นี่แหละคือที่ๆไม่มีปัญหา  ถ้าใครก็ตามมาอยู่ที่นี่ก็จะหมดปัญหา......
                ชายหนุ่มก็มองไปรอบๆๆ เห็นแต่หลุมอุโมงค์ฝังศพ...... !!


                หลายครั้งเราก็อาจจะรู้สึกอย่างกับชายหนุ่มคนนี้ด้วย   อยากไปในที่ๆไม่ต้องเจอปัญหา ความยากลำบาก แต่ก็ไม่
                มีเลยในโลกนี้  จะย้ายไปอีกกี่สิบโบสถ์ก็จะไม่พ้น    ( โบสถ์คือสถานที่คนบาปมาชุมนุมกัน) 
             -  Ex อองซาน ซูจี ผู้นำหญิงเหล็กของพม่า  ถูกขังมานานกว่า17ปี  แต่เขาก็อดทนและรอคอยอิสรภาพ  วันนี้คนทั้ง
                ประเทศรักเขา และถือภาพของเขาเดินประท้วงทั่วโลก  เพื่อขอปลดปล่อยเธอ..... 
             - พี่น้องที่รัก  ช่วงเวลาที่ถูกชกอย่างหนักนั้น  เดี๋ยวจะมีเวลาที่ได้พักยก 

             - Ex ไฟไหม้ที่ Oakland ซานฟานซิโก ปี1971 36ปีที่ผ่านมา  ทำให้ผู้ได้รับผลกระทบหลายพันคนสูญเสียครั้งใหญ่
               ทุกคนต่างสลดใจที่ไฟนั้นเผาผลาญทุกสิ่งที่ขวางหน้า  1 สัปดาห์ต่อมานักข่าวรายงานว่ามีเจ้าของบ้าน5 รายที่
               ค้นพบของที่หลงเหลืออยู่ในกองขี้เถ้า  ของเหล่านั้นล้วนเป็นเครื่องใช้กระเบื้องเคลือบ  เพราะอะไร
? สิ่งเหล่านี้จึง
               ไม่ถูกทำลายไป ...... นักเทศน์คนหนึ่งใน5คนนั้นก็ลุกขึ้นเทศนาว่า  พี่น้องรู้ไหมว่าทำไมแจกันนี้จึงยังคงอยู่  แต่
               บ้านเรากลับไหม้หมด
?.....  เพราะว่ากระเบื้องเหล่านี้เคยผ่านไฟมาแล้ว  มันผ่านกระบวนการในเตาไฟมันจึงทนไฟ
               ได้  เช่นเดียวกับความเชื่อของเรา...  วันที่ยากลำบากในชีวิต ในแต่ละเหตุการณ์จะทำหน้าที่เป็นเตาไฟหล่อหลอม
               ชีวิตของเรา .......เมื่อเราผ่านเตาไฟแห่งความทุกข์ยาก  พระเจ้าจะให้เราทนต่อไฟลำบากทั้งปวงที่จะเกิดขึ้นอีก
               ได้    1 ปต 1
:6-7  ทุกข์ทรมานชั่วขณะหนึ่ง......แต่จะทำให้เกิดศักดิ์ศรีในเวลาต่อมา.......


ประการที่ 3 ทรงทดสอบโดยการให้  ตัดสินใจที่เลือก  1พกษ3:5

            -    พระเจ้าให้เสรีภาพในการเลือก  เพราะพระเจ้าต้องการรู้ว่าเราจะเลือกอย่างไร  ตัวอย่าง ซาโลมอนพระเจ้าให้เขา
                 เลือกทูลขอจากพระเจ้า 
เจ้าอยากให้เราให้อะไร จงขอเถิด   
            -   แต่สิ่งที่ซาโลมอนได้เลือกเอากลับไมใช่เงินและทอง ไม่ใช่สุขภาพที่ดี ไม่ใช่เกียรติยศชื่อเสียงความสะดวกสบาย
                 แต่ซาโลมอนได้ขอพระเจ้าโปรดให้เขามีสติปัญญาในการ รับใช้พระเจ้า ในการทำงานกับคนของพระเจ้า  ในการ
                 ตัดสินคดีความของคนอิสราเอล   เพราะท่านมิได้ขอเงินทอง  พระเจ้าทรงให้เขาเป็นผู้นำประเทศที่มีสติปัญญา
                 มากที่สุด  ให้ท่านพร้อมกับความมั่งมีมาก  ชื่อเสียง 
            -    ในชีวิตของเราพระเจ้าให้เสรีภาพแก่เราในการเลือก  ตัวอย่าง  โยชูวาเลือกที่จะปรานนัติพระเจ้า  ยชว24:15  
              
 แต่ส่วนข้าพเจ้า และครอบครัวของข้าพเจ้า  เราจะปรนนิบัติพระเจ้า  
  
            -   เมื่อพระเจ้าให้เกียรติเราโดยให้โอกาสเราในการเลือก  เราจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุด  เช่นเดียวกับโยชูวา เลือกที่จะ
                 ติดตามพระเจ้า  รับใช้พระองค์  เพราะไม่มีอะไรมีค่าเท่ากับการได้เป็นทาสของพระเจ้า
            -   เช่นเดียวกัน  วันนี้พระเจ้าจะกำลังทดสอบท่านโดยให้โอกาสเลือก   ท่านจำต้องเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่งใน
                ชีวิต  ท่านจะต้องตัดสินใจเรื่องที่สำคัญในชีวิต
   ระวังการตัดสินใจที่ผิดพลาด  แต่จงให้เลือกพระเจ้ามาก่อนสิ่งใด

                         ตัวอย่าง : หลายคนสอบไม่ผ่าน  ระหว่างเลือกที่จะอ่านพระคัมภีร์อธิษฐาน  กับการคุยกับเพื่อนๆ-ลูกค้า
                หลายคนไม่ผ่านระหว่างเลือกการไปโบสถ์กับการไปดูหนังฟังเพลง  บางคนคิดว่าเรื่องนมัสการพระเจ้าเป็นของ
                ตาย  ไปวันไหนก็ได้  แต่เห็นธุรกิจ เห็นนัดของเพื่อนสำคัญกว่า    เห็นงานของพระเจ้าเป็นงานรอง
                         คำถาม :    ท่านจะเลือกเอาอะไร ระหว่างลืมพระคัมภีร์ไว้ที่โบสถ์ กับลืมโทรศัพท์ไว้ที่โบสถ์....



ประการที่ 4  ทรงทดสอบโดย  ให้ภารกิจที่ยากเกินกำลัง ความสามารถ   ยน 6:5-6

-       บางครั้งเราดูเหมือนว่าเราทำไม่ได้  เกินความสามารถของเรา  ยน 6:5-6 
-       พระเยซูทรงทดลองใจฟิลิป  ในการเลี้ยงดูชีวิตอีก 5000 คน  จึงเริ่มต้นถามเขาว่า จะทำอย่างไรจะซื้ออาหารให้คนเหล่านี้กินได้เล่า.....  ฟิลิปแม้จะเป็นคนระแหวกนั้น  รู้จักปัญหาดี รู้ว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไรดี  ตลาดอยู่ที่ไหน ้องเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่งในชีวิต  ท่านจะแต่เขาก็รู้สึกมองไม่เป็นทางออกได้เลย.....


-       ตัวอย่าง : สมัยคุณบรรหารเป็นนายก  เข้าเฝ้าในหลวงในครั้งนั้น  ในหลวงทรงตรัสสั่งให้คุณบรรหารว่า ซอยบ้านของคุณบรรหารมีหลุมอยู่หนึ่งหลุม เป็นปัญหาทำให้ผู้ใช้ถนนเลี่ยงหลุมนั้นเกิดอุบัติเหตุบ่อยๆ.... ไม่กี่ชั่วโมงคุณบรรหารก็ส่งคนไปตรวจสอบซอยดังกล่าว ..... และซ่อมแซมเป็นการด่วน....

     วันหนึ่งคุณบรรหารมีโอกาสเข้าเฝ้าพระเจ้าอยู่หัวอีกครั้ง  จึงสงสัยว่าพระองค์รู้ได้อย่างไร ?  พระองค์ทรง
     ตรัสว่า  พระองค์ไม่ได้ไปหรอก  แต่ทรงทอดพระเนตรดูจากภาพถ่ายดาวเทียม....
 
-    หลายครั้งในชีวิตของเรา  ปัญหาที่อยู่ใกล้ๆกับเรา เราคุ้นเคยดีๆ  แต่เราก็ไม่รู้ว่าจะแก้ไขปัญหานั้นอย่างไร  มัน
     เป็นปัญหาที่ใหญ่สำหรับเรา
  เหมือนฟิลิป เขาก็ไม่รู้ว่าจะแก้ไขปัญหานั้นอย่างไร.....
-   หลายครั้งเราก็อาจจะคิดว่าตระเตรียมตัวมาอย่างดี    แต่เราก็พลาดจนได้ ......

         
Ex ครั้งหนึ่งที่ภาคอีสาน ในหลวงทรงเสด็จเยี่ยมของราษฏรผู้หนึ่ง  คณะผู้ติดตามรู้สึกแปลกใจที่เห็นชาย
     เจ้าของบ้านใช้ราชาศัพท์คล่อง. เข้าได้กราบทูลว่า  ข้าพระพุทธเจ้าเป็นลิเกเก่าบัดนี้อายุมากจึงเลิกรา ทำนาทำ
    สวน  พระพุทธเจ้าข้า..มาถึงตอนสำคัญทรงพบกรงนกในกรงที่เลี้ยงไว้ที่ชานเรือน  จึงทรงตรัสถามว่าเป็นนกอะไร
    และมีทั้งหมดกี่ตัวหรือ
?    พ่อลิเกเก่ารีบกราบบังคมทูลว่า... มีทั้งหมด3 ตัว พระมเหสีมันบินหนีไป ทิ้ง
    พระโอรส3ตัว ตัวหนึ่งยังเล็ก ตรัสอ้อแอ้อยู่เลย  และทิ้งให้พระบิดาเลี้ยงดูแต่ผู้เดียว
  เรื่องนี้ ดร.สุเมธ  เล่าว่า
    เป็นที่ต้องสะกดกลั้นหัวเราะทั้งคณะ ไม่เว้นแม้ในหลวง...... 
         ( แม้จะมากประสบการณ์ แม้จะตระเตรียมอย่างดี แต่ก็พลาดจนได้...) 

-       ในความรู้สึกของเรามันเกินกำลังความสามารถของเรา  แต่พระเจ้าได้บอกเราว่า ไม่มีสิ่งใดๆที่พระเจ้าทำไม่ได้  ลก1:37   ดังนั้นให้เรามีความเชื่อร่วมกับพระองค์  พระองค์มีทางออกเสมอ  ในภารกิจที่พระเจ้ามอบให้กับเรา ต้องสำเร็จได้      หลายครั้งเรามักจะบอกว่ามันยาก หรือเป็นไปไม่ได้  เพราะเราขาดความเชื่อ  มธ17:20
ถ้าเรามีความเชื่อเท่าเมล็ดพืชเมล็ดหนึ่ง  ก็จะสามารถเลื่อนภูเขาไปลงทะเลยังได้  หมายถึงสะสามารถทำสิ่งที่คิดว่า  เป็นงานที่ยากลำบากให้เป็นง่ายได้.....  โดยพระเจ้า


สรุป    พี่น้องที่รัก  การมีชีวิตที่เกิดผลนั้น  ต้องฝึกชีวิต  และผ่านการทดสอบที่มาจากพระเจ้า  การเกิดผลมากในพระเจ้า และการเจริญเติบโตขึ้นในพระเจ้า ไม่มีทางลัด   ดังนั้นให้เรายินดีที่จะรับการเปลี่ยนแปลงชีวิตเมื่อถูกทดสอบ  ในที่สุดเราก็จะชนะ และมีท่าทีที่ถูกต้องในการเป็นบุตรของพระเจ้า  พระเจ้าจะให้เราได้รับผลดี มรดกมากมายในการติดตามพระเจ้า      


แม้พระเจ้าให้เราพบความยากลำบากในชีวิต  แรงกดดันมากมาย  จนเรามองดูด้วยตาของเราแทบจะผ่านไปไม่ได้เลย   เพื่อเราจะหันมามองหาพระเจ้า   1คร 10:13      พระเจ้าทรงจัดเตรียมหนทางออกให้เราเสมอ  เพื่อเราจะมีกำลังทนได้  พระเจ้ารู้ว่าเรารับได้เพียงแค่ไหน      บางครั้งเรารู้สึกท้อ  รู้สึกไม่ได้รับความยุติธรรม  รู้สึกยากลำบาก กับเหตุการณ์ต่างๆ  ที่เกิดขึ้น         พระเจ้าทรงบอกว่า พระองค์ทรงจัดเตรียมหนทางเพื่อที่จะลูกของพระเจ้าหลีกเลี่ยงได้ด้วย  พระเจ้าของเราน่ารักเพียงไร  ทรงรู้ว่าเราอ่อนแอ  และมีกำลังน้อย  พระเจ้าจะไม่ปล่อยให้เราต้องผ่านช่วงเวลาที่ยากตลอดชีวิตหรอก..... 
ให้เราบอกกับตัวเองว่า  เราจะผ่านไปได้  เราจะสำเร็จ  เราจะเกิดผล  เราจะผ่านทดสอบของพระเจ้า   เพราะพระเจ้าของเราสัตย์ซื่อ
            ในวันนี้หากชีวิตของเราขาดกำลัง  รู้สึกอ่อนกำลัง   รู้สึกหมดกำลังใจ  รู้สึกหมดหวัง  รู้สึกไม่มีสันติสุขเลยในชีวิต อย่าลืมว่าพระเจ้าทรงรักท่าน  และทรงจัดเตรียมหนทางออกให้แล้ว   เพียงเราเดินมาหาพระเจ้า  บอกกับพระองค์  ว่าลูกเหนื่อยเหลือเกิน  ขอแรงกำลังใหม่  ของทรงพื้นฟูชีวิตของข้าพระองค์เถิด.....
     
            แล้วท่านจะสามารถผ่านการทดสอบเช่นเดียวกับ  อับราฮัม  โยบ  โยชวา  และพิลิป    อาเมน.